แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 39915: เทคนิคจัดการ สินเชื่อระยะยาว ให้อยู่หมัด  (จำนวนคนอ่าน 63 ครั้ง)
« เมื่อ: 09/29/25 เวลา 15:34:37 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ


 
เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจย่อมต้องใช้สินเชื่อหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ “ สินเชื่อระยะยาว ” เพราะการทำธุรกิจจะใช้เงินหมุนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ สินเชื่อระยะยาวจะช่วยให้สภาพคล่องของธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะเวลาเกิน 5 ปี และคำว่าสินเชื่อที่มีอายุเกิน 5 ปีนี้จัดอยู่ในหมวดของสินเชื่อระยะยาวทั้งสิ้น เช่น สินเชื่อต่อยอดธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย เป็นต้น เรามาดูกันดีกว่าว่าหากเราเป็นหนี้ธนาคารในกลุ่มหนี้ระยะยาวมีวิธีจัดการอย่ างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
 
หาข้อมูลรายได้ รายจ่าย และคำนวณความมั่งคั่งสุทธิ
จะเริ่มเคลียร์หนี้สินระยะยาวได้ต้องตรวจสอบว่าเหลือรายรับรายจ่ายเท่าไหร่ใ นแต่ละเดือน เพื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตัวเอง หากรายจ่ายมากกว่ารายได้แสดงว่าสุขภาพทางการเงินไม่ดีนักมีสิทธิ์ล้มละลายอย ู่ตลอดเวลา เมื่อกู้เงินมาทำธุรกิจควรจะมีรายได้สูงขึ้น
 
ตามสัดส่วนของหนี้สินที่เพิ่มจากการซื้อสินทรัพย์ถาวรสำหรับการขยายธุรกิจ เช่น เครื่องจักร ที่ดิน อาคาร เป็นต้น แต่เมื่อทำธุรกิจแล้วสร้างกำไรไม่ได้จนเงินสดหมดมี 3 ทางเลือกให้ผู้ประกอบการตัดสินใจคือ  
 
ลดรายจ่าย หาช่องทางขาย หรือกู้หนี้เพิ่ม หากไม่สามารถหากระแสเงินสดด้วยการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้แล้ว วิธีสุดท้ายที่ควรทำคือการขอ สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง เพื่อทำให้กระแสเงินสดของธุรกิจอยู่ในระดับที่หมุนเวียนต่อไปได้ และเมื่อทราบข้อมูลรายได้ รายจ่าย และหาวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรรู้นั่นคือฐานะทางการเงินของตัวเองว่าเป็น “ของจริง” แค่ไหน ด้วยการคำนวณหาความมั่งคั่งสุทธิของธุรกิจโดยนำ “ทรัพย์สินหักลบหนี้สิน” หากหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินจะต้องมีกระแสเงินสดสำรองเก็บเผื่อไว้ใช้ในยามฉุ กเฉิน
 
บริหารความมั่งคั่ง และชำระหนี้คืนเพิ่ม
เมื่อใช้ สินเชื่อขยายธุรกิจ หลายประเภทเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจแล้ว ต้องคำนวณด้วยว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่เป็นหนี้อยู่ในระดับเท่าไหร่เมื่อเทียบก ับความสามารถชำระหนี้ หากชำระหนี้ได้แค่ดอกเบี้ยไม่รวมส่วนของเงินต้นและใช้รายได้มากกว่า 40% สำหรับการชำระหนี้ ถือว่าอันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าต้องเก็บเงินสดสำรองบางส่วนเพื่อใช้ในยามวิกฤตของธุรกิจ อีกทั้งยังต้องมีในส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกด้วย เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น เมื่อรู้ตัวว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต้องจัดการหนี้ที่ม ีสัดส่วนสูงที่สุดก่อน เช่น หนี้รถ และหนี้บ้าน
 
ปรับโครงสร้างหนี้
หากรู้ตัวว่าไม่สามารถจัดการหนี้ต่อไปได้จากความล้มเหลวในการบริหารธุรกิจ วิธีที่ควรทำคือหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ให้ได้ไม่ควรหนีหนี้เพราะจะยิ่งทำให้ก ารพูดคุยทำได้ยากยิ่งกว่าเดิม ร้อยทั้งร้อยธนาคารอยากได้เงินสดคืนอยู่แล้ว แต่หากไม่ไหวจริง ๆ ควรขอธนาคารให้ปรับโครงสร้างหนี้ และหากหนี้มีหลายก้อนต้องยุบเป็นหนี้ก้อนเดียวเพื่อให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดและ สามารถชำระหนี้ง่ายขึ้น
 
จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะช่วยจัดการกับสินเชื่อระยะยาวได้ อย่างไรก็ตามแต่ละธนาคารต่างออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายรูปแบบเพื่อใ ห้สอดรับกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความน่าสนใจนั่นก็คือ สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม หากใครมีธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อกลุ่มนี้ควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อไม่ ให้เสียโอกาสได้รับสินเชื่อที่ตรงวัตถุประสงค์การกู้และยังมีอัตราดอกเบี้ยต ่ำอีกด้วย  
 
https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/img-Governance.md.we" alt="" border="0">
ส่งโดย: unyana
สถานะ: Senior Member ****
จำนวนความเห็น: 334  
   
58.11.31.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by