แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 36938: ได้ข่าวว่าจะปรับค่าใช้ทุนจาก 4 แสน เป็น 5 ล้าน  (จำนวนคนอ่าน 5980 ครั้ง)
« เมื่อ: 06/26/18 เวลา 08:26:11 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เลยสงสัยค่ะว่าแล้ว คนที่ขอทุนจาก รพ รัฐ ไปเรียน specialist แล้วเรียนจบ เบี้ยวทุน ไม่ปรับบ้างหรือคะ
 
หมอเฉพาะทางเบี้ยวทุน เสียแค่ล้านเดียวเองค่ะ
 
ต้องเฉพาะทางเบี้ยวทุน
เสียค่าปรับสิบล้านสิคะ ถึง fairๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/26/18 เวลา 09:10:07 by gundamwing »
ส่งโดย: gundamwing
สถานะ: Full Member ***
จำนวนความเห็น: 172  
   
1.46.235.*


« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 08:39:43 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

เห็นอยู่ๆ  คิดยังไง ดีแล้วเหรอ สร้างศัตรูแท้ เตรียมรับผลกระทบ เด็กรุ่นไหม่ gen y
 เป็นการปัญหา ด้วยเงินที่ผู้บริหาตชอบทำ  
ลด เงิน กับ  เพิ่มค่าปรับ นอกนั้นทำไรไม่เป็น
ซักวัน มันจะพัง แน่นอน
 ความคิดสุดโต่งแนว ทุนนิยม เหมือน กับ ระบบ30 บาท นั้นแหละ แย่พอกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/26/18 เวลา 08:43:27 by benyajang »
ส่งโดย: candy girl Email     1.47.138.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 09:26:16 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

การเรียนต่อ Residents นั้นมีต้นทุนแค่ เงินเดือน(ในกรณีที่ขอทุนไปเรียน)+ ค่าเทอม (ที่เค้าไม่เก็บ เพราะถือว่าทำงานแลกเงินเดือน)+ การผ่าตัด/ การทำหัตถการก็ไม่ต้องจ่ายเงินที่จะขอทำ เหมือนนักเรียนแพทย์ แต่ว่า เป็นการจ้างให้ทำด้วยซ้ำ เพราะว่าเป็นแพทย์แล้ว/ มีใบประกอบโรคศิลปแล้ว+ การเรียนก็จะเป็นแบบ Self Study เป็นหลักระยะเวลาก็แค่ 3 -4 ปี (ขึ้นกับสาขา)
ต่างกับนักเรียนแพทย์ที่ใช้เวลาเรียน 6 ปีเต็ม และทุกอย่างเป็นการสร้างคน (Spoon Feeding) ทั้งสิ้น
 
เพราะงั้นถ้าจะปรับก็อาจจะปรับเป็น 5 ล้านบาทเท่ากัน เป็นต้นครับ
ส่งโดย: Dr._Panya male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1983  
   
58.11.83.*


« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 09:31:35 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่มีทางอื่นที่จะดึงแพทย์ไว้ในระบบได้ดีกว่า
วิธีนี้แล้วประกอบกับต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต
เราจะพบว่า 1. การปรับปรุงระบบไม่สามารถทำได้เพราะจำนวนแพทย์
มีไม่เพียงพอ แต่ละปีมีการลาออกจำนวนมากทำให้ภาระตกอยู่กับแพทย์
ที่เหลือ การตัดวงจรนี้จึงจำเป็นที่จะต้องหามาตรการชลอการไหลออก
     2. ต้นทุนที่ทางสถาบันเสนอขอสำนักงบได้แจกแจงรายละเอียดได้ดี
จึงเป็นที่มาของการคำนวณต้นทุนรายหัวออกมา หากผู้เข้าศึกษาไม่พอใจ
สามารถเลือกเรียนในสถาบันเอกชนที่คิดค่าเรียนถูกกว่าหรือส่งไปเรียน
แพทย์ที่ต่างประเทศได้
     3. สำหรับการขอทุนเรียนเฉพาะทางต้องมีการปรับเพิ่มสูงกว่านี้แน่นอน
เพราะเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งกับสังคมที่รพ.เอกชนจะจ้องดูดแพทย์กลุ่ม
นี้ในราคาที่ถูกแสนถูกโดยทิ้งภาระไว้ให้กับรพ.รัฐเจ้าของทุนนั่นหมายถึง
การผลักภาระให้แพทย์ที่เหลือและส่งผลที่สุดแก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ส่งโดย: zinc male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1432  
   
159.192.197.*


« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 10:44:44 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ควรส่งเสริม
ส่งโดย: doreus
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 10681  
   
184.22.35.*


« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 11:06:17 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/26/18 เวลา 09:31:35, zinc wrote:
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่มีทางอื่นที่จะดึงแพทย์ไว้ในระบบได้ ดีกว่า
วิธีนี้แล้วประกอบกับต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต
เราจะพบว่า 1. การปรับปรุงระบบไม่สามารถทำได้เพราะจำนวนแพทย์
มีไม่เพียงพอ แต่ละปีมีการลาออกจำนวนมากทำให้ภาระตกอยู่กับแพทย์
ที่เหลือ การตัดวงจรนี้จึงจำเป็นที่จะต้องหามาตรการชลอการไหลออก
     2. ต้นทุนที่ทางสถาบันเสนอขอสำนักงบได้แจกแจงรายละเอียดได้ดี
จึงเป็นที่มาของการคำนวณต้นทุนรายหัวออกมา หากผู้เข้าศึกษาไม่พอใจ
สามารถเลือกเรียนในสถาบันเอกชนที่คิดค่าเรียนถูกกว่าหรือส่งไปเรียน
แพทย์ที่ต่างประเทศได้
     3. สำหรับการขอทุนเรียนเฉพาะทางต้องมีการปรับเพิ่มสูงกว่านี้แน่นอน
เพราะเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งกับสังคมที่รพ.เอกชนจะจ้องดูดแพทย์กลุ่ม
นี้ในราคาที่ถูกแสนถูกโดยทิ้งภาระไว้ให้กับรพ.รัฐเจ้าของทุนนั่นหมายถึง
การผลักภาระให้แพทย์ที่เหลือและส่งผลที่สุดแก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

 
ทำไมแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่เป็น เติมน้ำในโอ่งรั่วอยู่เรื่อย
 
ก็เคยมีการศึกษามาแล้วว่าส่วนใหญ่ไม่อยู่ในระบบรัฐเพราะอะไร
 
ภาระงานมากเกินไป ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ความเสี่ยงในการทำงาน สถานที่จัดสรรให้ทำงานกับภูมิลำเนาเดิม(บ้าน)ห่างไกลกัน ความเจริญของพื้นที่(สาธารณูปโภค การขนส่ง โรงเรียนที่มีคุณภาพ)
 
เรื่องเงินมันเป็นเรื่องรอง
 
ทำไมคนระดับบริหารในวงการไม่แก้ที่สาเหตุ ไม่ฉลาด ทำไม่เป็น หรือมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเช่น ต้องการให้สามารถใช้อำนาจนอกระบบควบคุมคนให้ทำตามตนสั่ง สิทธิพิเศษ ลัดคิว เส้นสาย โดยใช้การให้ทุนเป็นเครื่องมือ
ส่งโดย: megacure
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2283  
   
182.232.50.*


« ความเห็นที่ #6 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 14:53:51 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ถ้าไม่ได้นำมาใช้กับ นักศึกษาที่ เข้าเรียนไปแล้ว
 
แต่เริ่มใช้กับ รุ่นใหม่ที่เข้ามา ใหม่ ผมว่าก็แฟร์ดี
 
ในเมื่อภาครัฐคิดว่า คนไม่พอต้องการให้อยู่ในระบบ ครบตามสัญญา  
 
การปรับปรุงแก้ไขระบบให้ ระบบรัฐน่าอยู่จนคนไม่ลาออก อันนั้น มันเป็นแนวทางในอุดมคติ ที่ทำได้ ก็ดี แต่ ทุกวันนี้มันยังทำไม่ได้ เมื่อทำไม่ได้ แนวทางการคิดค่าปรับ ผิดสัญญาก็ยังต้องนำมาใช้
 
และ ถ้า แค่ 4 แสน ยังคงมีคนออกมาก  ก็เพิ่มขึ้นมาให้สูงขึ้น อาจจะ 1 ล้าน 3 ล้านหรือ 5 ล้าน ก็ลองดู
 
ถ้าใครคิดว่า ค่าปรับแพงไป ไม่เป็นธรรม ก็แยกไปเรียนอย่างอื่นแทน ที่จะเข้ามาเรียนหมอ  แฟร์ดี
ส่งโดย: -=Jfk=- male
สถานะ: Moderator, ThaiClinic Staff *****
จำนวนความเห็น: 3671   WWW Email
   
1.2.202.*


« ความเห็นที่ #7 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 15:11:02 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

คิดว่าถ้า 5 ล้าน  น้องแพทย์ใช้ทุนคงไม่กล้าลาออกก่อนใช้ทุนครบแน่   เพราะ ยากที่จะหาเอกชนทำแล้วได้เงินครบ 5 ล้านใน 3 ปี ก่อนไปเรียนต่อ
 
ส่วนแพทย์ประจำบ้านก็คงคิดหนักก่อนใช้ทุนครบ
ส่งโดย: gamma48
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 509  
   
223.207.247.*


« ความเห็นที่ #8 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 15:15:37 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

อย่าลืมอีกประเด็น ถ้ายังจำกันได้ ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันค่าปรับใช้ทุน หรือข้าราชการซี 7 ขึ้นไปเซ็นค้ำประกัน
 
พอค่าปรับเพิ่มขึ้น ลูกประชาชนทั่วไปที่ไหนจะมีหลักทรัพย์ 5 ล้านบาทมาค้ำ ข้าราชการที่เซ็นค้ำได้ต้องระดับไหนเมื่อค่าปรับเพิ่มขึ้น ต้องระดับซี 9 ผู้ทรงคุณวุฒิ รองอธิบดีกรมรึเปล่า
 
คนทั่วไปคงเลิกหวังเรียนแพทย์
ส่งโดย: megacure
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2283  
   
49.229.219.*


« ความเห็นที่ #9 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 15:30:45 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ดี หมอจะได้มีข้ออ้างคิด DF แพงๆ
ส่งโดย: only2b male
สถานะ: Full Member ***
จำนวนความเห็น: 166  
   
184.22.145.*


« ความเห็นที่ #10 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 17:00:30 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

    เพิ่มค่าปรับ....ป้องกันแพทย์ลาออก ?  - " ก้อเป็นวิธีของฝ่ายบริหารที่จะบิดเบนปัญหา(ต้นเหตุลาออก)กลับไปที่ตัวแพทย์   แถมได้รับความชื่นชมจากสังคม , วิธีเดิมๆ"
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
171.96.191.*


« ความเห็นที่ #11 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 17:15:17 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/26/18 เวลา 15:15:37, megacure wrote:
อย่าลืมอีกประเด็น ถ้ายังจำกันได้ ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันค่าปรับใช้ทุน หรือข้าราชการซี 7 ขึ้นไปเซ็นค้ำประกัน
 
พอค่าปรับเพิ่มขึ้น ลูกประชาชนทั่วไปที่ไหนจะมีหลักทรัพย์ 5 ล้านบาทมาค้ำ ข้าราชการที่เซ็นค้ำได้ต้องระดับไหนเมื่อค่าปรับเพิ่มขึ้น ต้องระดับซี 9 ผู้ทรงคุณวุฒิ รองอธิบดีกรมรึเปล่า
 
คนทั่วไปคงเลิกหวังเรียนแพทย์

 
สำหรับอาชีพหมอ ถ้าค่าปรับห้าล้านจะใช้จริง
 
ไม่ต้องให้คนค้ำประกันก็ได้ ครับ ให้ตัวเองเซ็นต์ค้ำเอง
 
ลาออกก่อนโดยไม่ใช้หนี้ อาจจะใช้การฟ้องร้อง หรือ ระงับใบประกอบโรคศิลป์ ก็ได้  แค่นี้ ก็คิดว่าส่วนใหญ่ไม่กล้าเบี้ยวแล้ว
 
 ส่วนใครจะหนีไปต่างประเทศ แล้ว ไม่ได้กลับมา กลับมาก็ฟ้องรวมดอกเบี้ยเข้าไป
ส่งโดย: -=Jfk=- male
สถานะ: Moderator, ThaiClinic Staff *****
จำนวนความเห็น: 3671   WWW Email
   
1.2.202.*


« ความเห็นที่ #12 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 20:34:57 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เกาไม่ถูกที่คัน

The day you went away . . .
ส่งโดย: SantaNiCo female
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1378  
   
125.27.185.*


« ความเห็นที่ #13 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 21:50:50 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/26/18 เวลา 17:15:17, -=Jfk=- wrote:

 
สำหรับอาชีพหมอ ถ้าค่าปรับห้าล้านจะใช้จริง
 
ไม่ต้องให้คนค้ำประกันก็ได้ ครับ ให้ตัวเองเซ็นต์ค้ำเอง
 
ลาออกก่อนโดยไม่ใช้หนี้ อาจจะใช้การฟ้องร้อง หรือ ระงับใบประกอบโรคศิลป์ ก็ได้  แค่นี้ ก็คิดว่าส่วนใหญ่ไม่กล้าเบี้ยวแล้ว
 
 ส่วนใครจะหนีไปต่างประเทศ แล้ว ไม่ได้กลับมา กลับมาก็ฟ้องรวมดอกเบี้ยเข้าไป

 
เค้าให้ค้ำกันตั้งแต่ตอนรายงานตัวเป็น นสพ./นศพ. ปี 1 ครับ
ส่งโดย: megacure
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2283  
   
182.232.146.*


« ความเห็นที่ #14 เมื่อ: 06/26/18 เวลา 22:33:19 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/26/18 เวลา 21:50:50, megacure wrote:

 
เค้าให้ค้ำกันตั้งแต่ตอนรายงานตัวเป็น นสพ./นศพ. ปี 1 ครับ

 
ครับทราบครับ
 
แต่หมายถึงว่าถ้าอยากจะใช้ก้อไม่ต้องให้ค้ำก้อได้ ให้ค้ำตัวเองได้เลย
 
เพราะว่าปกติไม่จบก้อไม่ต้องใช้ทุนอยู่แล้ว
 
จบมาเป็นหมอแล้ว จะชักดาบห้าล้าน ก้อไม่คุ้มถ้าโดนควบคุม
ส่งโดย: -=Jfk=- male
สถานะ: Moderator, ThaiClinic Staff *****
จำนวนความเห็น: 3671   WWW Email
   
1.2.195.*


« ความเห็นที่ #15 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 00:36:01 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ผมก็ว่าอย่างงั้นครับ  นักศึกษาแพทย์เซ็นสัญญาค้ำประกันตัวเองเลย  ไม่ต้องให้ใครมาค้ำ เพราะจบมาถ้าไม่ใช้ทุนก็ต้องใช้เงิน  ถ้าเบี้ยวหนี้ก็ระงับใบประกอบโรคศิลป์ และส่งแพทยสภาห้าม train resident ในประเทศไทย  แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าเบี้ยวแล้ว
ส่งโดย: gamma48
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 509  
   
223.207.247.*


« ความเห็นที่ #16 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 00:42:31 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

คือเค้าก็จะไม่ได้เรียนเพราะไม่มีบุคคล/หลักทรัพย์ มาค้ำประกันตอนรายงานตัว
 
ไม่มีหลักฐานครบในการรายงานตัวก็อดเรียนไป
ส่งโดย: megacure
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2283  
   
182.232.21.*


« ความเห็นที่ #17 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 00:47:01 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

ดีค่ะ ถ้าจะดูดแพทย์ออกจาก ระบบ คงต้อง เพิ่ม ค่าจ้างให้มากว่านี้  delay ได้บ้าง  รัฐผลิตเพิ่ม มากๆ  เดวก็ล้นเอง
แช้วก็ไปเสริม ความงาม กันต่อ
ส่งโดย: candy girl Email     171.98.31.*


« ความเห็นที่ #18 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 01:02:32 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ต่อไปน่าจะล้นแนะแพทย์  รพ.จังหวัดเริ่มเต็มแล้ว  รพช  ยังว่าง แพทย์จบมามาก เอกชนรับได้ไม่หมดแน่  คลีนิกความงามก็มีมากแล้ว  น่าจะแย่งงานกันมากขึ้น
ส่งโดย: gamma48
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 509  
   
223.207.247.*


« ความเห็นที่ #19 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 05:34:16 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เห็นด้วยกับการเพิ่มค่าค้ำประกัน เพราะทำงานที่ต่างจังหวัด เฉพาะเงินเดือนและค่าตอบแทน ก็ได้ประมาณเดือนละแสนแล้วจากกระทู้ที่ร้องเรียนผู้อำนวยการ เงินสี่แสน ทำงานแค่สี่เดือนก็หาได้แล้ว จะเพิ่มแค่ไหน ก็แล้วแต่ความเหมาะสม
 
แต่ปัญหาตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องขาดหมอ แต่เป็นเรื่องหมอที่เกิน และหมอที่เกิน ไม่ได้มีประสบการณ์ ทักษะความชำนาญ และความรู้เหมาะสมกับการเป็นแพทย์  เนื่องจากยังขาดจำนวนผู้ป่วยมาเพิ่มประสบการณ์ เนื่องจากมีจำนวนหมอมากขึ้น มาทำการหารจำนวนผู้ป่วยที่มาเพิ่มประสบการณ์  
ปัญหาหมอเกิน หนักหนากว่าหมอขาดมาก ปัญหาหมอขาด เหมือนกับมีคนมากในกระโจม แต่เวลาปัสสาวะ ปัสสาวะนอกกระโจม ปัญหาหมอเกิน เหมือนมีคนน้อย แต่เวลาคนมาปัสสาวะ จะมาปัสสาวะในกระโจม ทั้งเหม็น ทั้งเละเทอะ
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1527  
   
223.205.235.*


« ความเห็นที่ #20 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 09:36:31 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

   ปัจจุบัน รพช ใกล้เมืองคนอยู่กันเต็ม  ผอ ไม่อยากรับเพิ่ม เพราะไม่มีปัญญาหา เบี้ยเลี้ยงมาจ่าย งานในเวลาไม่มีปัญหา งานนอกเวลายังคงเสี่ยงและกดดันสูง เพราะคนเดียวเหมาทุกอย่างในเงื่อนไขค่าจ้างไม่เป็นธรรม
    รพช ห่างไกล ไม่มีคนอยากอยู่ อยู่หนึ่งปี ย้ายเข้าใกล้เมืองเพื่อรอเรียนต่อ งานกดดันในแบบไม่มีคนให้ consult ส่งที่ก็ไกล ลำบากใจกันทั้งหมด
 
 เพิ่มค่าปรับก็จะกักกัน หมอให้ต้องไปอยู่บ้านนอก สามปี แล้วก็ลาออกหนีไปเรียนเหมือนเดิม  ไม่เพิ่มค่าปรับแค่บังคับจะไปเรียนต่อ ต้องอยู่ใน รพช มากกว่าสามปีก็ได้ และห้ามรับฟรีเทรน
     
  ที่น่าถามคือกระทรวงอื่น ทำไมเขาต้องแย่งชิงกันเข้าไปอยู่  ครูบ้านนอกได้อะไรมากกว่าที่คิด  ทำไมมีคนยอมเป็น แต่หมอบ้านนอกไม่ยอมเป็น  แต่ที่แน่ๆ ครูที่เคยมารักษากับผมอีกสี่ปีกเษียณ จะได้บำนาญสี่หมื่นกว่าต่อเดือน  มากกว่าพยาบาลทุกคนใน รพ ที่รอกเษียณ และน่าจะมากกว่าผมเองตอนกเษียณ  ตกลงว่าที่ไม่อยากอยู่กันเพราะ สภาพงานแย่ อนาคตเลวกว่าข้าราชการสายอื่น หรือค่าปรับมันน้อยเกินไป??
ส่งโดย: blitzs
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2998  
   
180.183.150.*


« ความเห็นที่ #21 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 09:50:24 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ก็แก้ที่สาเหตุแล้วครับ ตรงเป๊ะ คืออุดด้วยเงินใช้ทุน
เมื่อมีแพทย์มากขึ้นก็จะเริ่มมีการปรับระบบได้ดีขึ้น
คุณภาพชีวิตแพทย์ชนบทจะได้ดีขึ้นมีเวลาพักผ่อนบ้าง
การเรียกร้องให้ปรับชั่วโมงทำงานลงหรือลดภาระเสมือนไม่ยอมรับความจริง
ที่ว่าไม่มีทางที่ภาระจะลด มีแต่เพิ่มกับเพิ่มเพราะไทยเราเข้าสู่สังคมชราแล้ว
คนป่วยมากขึ้น การผลักภาระให้พยาบาลตรวจแทนบ้างหรือจนท.อนามัย
ตรวจบ้าง ยุคนี้คงไม่ได้แล้วครับ  
ผมมองว่าข้ออ้างพวกนี้ควรหมดไปแล้วยอมรับความจริง ถ้ามันแก้ง่ายคงไม่
เป็นปัญหาถึงวันนี้ ค่าใช้ทุนควรเพิ่มมานานแล้วแต่กระทรวงไม่ทำเพราะมี
ลูกหลานเรียนหมอกันทั้งนั้น ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
ส่งโดย: zinc male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1432  
   
159.192.199.*


« ความเห็นที่ #22 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 09:58:56 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

สงสัยว่า ถ้าเรียนไม่จบหรือ จบแล้วแต่สอบใบประกอบไม่ผ่าน ต้องชดใช้มั๊ย
ส่งโดย: Innominate male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1943  
   
171.98.75.*


« ความเห็นที่ #23 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 11:15:17 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/27/18 เวลา 09:58:56, Innominate wrote:
สงสัยว่า ถ้าเรียนไม่จบหรือ จบแล้วแต่สอบใบประกอบไม่ผ่าน ต้องชดใช้มั๊ย

ทุกวันนี้ เรียนไม่จบ ไม่ต้องชดใช้
 
จบแล้ว สอบใบไม่ผ่าน ดูเหมือน เค้าให่ทำงานได้ ในรพ.รัฐ แต่เซ็นต์เอกสารต่างๆมีแพทย์พี่เลี้ยงคอย Cover อีกที
ส่งโดย: -=Jfk=- male
สถานะ: Moderator, ThaiClinic Staff *****
จำนวนความเห็น: 3671   WWW Email
   
1.2.195.*


« ความเห็นที่ #24 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 11:36:35 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

คนจน เรียนหมอ จะต้องให้ใครค้ำครับ 5 ล้านต้องซีเท่าไรครับ

Good surgeons know how to operate.
Better ones know when to operate.
Best ones know when not to operate
ส่งโดย: anantom
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 10525   WWW
   
118.173.18.*


« ความเห็นที่ #25 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 11:52:42 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/27/18 เวลา 09:50:24, zinc wrote:
ก็แก้ที่สาเหตุแล้วครับ ตรงเป๊ะ คืออุดด้วยเงินใช้ทุน
เมื่อมีแพทย์มากขึ้นก็จะเริ่มมีการปรับระบบได้ดีขึ้น
คุณภาพชีวิตแพทย์ชนบทจะได้ดีขึ้นมีเวลาพักผ่อนบ้าง
การเรียกร้องให้ปรับชั่วโมงทำงานลงหรือลดภาระเสมือนไม่ยอมรับความจริง
ที่ว่าไม่มีทางที่ภาระจะลด มีแต่เพิ่มกับเพิ่มเพราะไทยเราเข้าสู่สังคมชราแล้ว
คนป่วยมากขึ้น การผลักภาระให้พยาบาลตรวจแทนบ้างหรือจนท.อนามัย
ตรวจบ้าง ยุคนี้คงไม่ได้แล้วครับ  
ผมมองว่าข้ออ้างพวกนี้ควรหมดไปแล้วยอมรับความจริง ถ้ามันแก้ง่ายคงไม่
เป็นปัญหาถึงวันนี้ ค่าใช้ทุนควรเพิ่มมานานแล้วแต่กระทรวงไม่ทำเพราะมี
ลูกหลานเรียนหมอกันทั้งนั้น ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน

 
  อัตรากำลัง ก็ไม่ขยายให้ รพช มีหมอได้ 4 ถึง 8 คน อยู่เวร แบบพยาบาล ช บ ด ไม่ได้อยู่ดี ติดปัญหาไม่มีระเบียบรองรับ ต้องลอยเช้าทุกคน แล้วไปแบ่งเวร บ่าย ดึก คาดหวังให้ตรวจหมด กันอีก ก็ไม่ได้นอนอยู่ดี  แล้วหมอ รพ ละ 20 คน ผอ ก็จะไม่มีปัญญาหา พตส มาจ่าย และถ้าคิดกันแบบเพิ่มค่าปรับ  ก็จะแก้ปัญหาโดยตัด พตส เบี้ยเลี้ยง ใน step ต่อไป เพื่อจะได้จ้างหมอจำนวนมาก ในค่าใช้จ่ายเท่าเดิม
 บอกเลยว่าคิดอ่านกันแบบนี้ อีกหน่อยเงินเดือนหมอ ในระบบ ก็เหลือ มากกว่าพยาบาลไม่กี่พันบาท สุดท้ายก็ทำงานกันสามสี่ปี แล้วลาออกไปทำอย่างอื่น  และคณะแพทย์ก็จะไม่มีคนแย่งกันเรียนอีก อาจเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ เพราะคนเก่งจะไปเรียนวิชาที่ทำเงินได้แทน(ถ้ามีนะ)  แต่คงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับแพทย์ในระบบปัจจุบัน ส่วนคนไข้ก็คงไม่ได้อะไรดีขึ้นมากนัก เพราะจะได้แต่หมอมือใหม่ หัดรักษาแล้วก็ไป แต่ที่ work สุดคงเป็น รพ เอกชน ที่จะได้ลดต้นทุนกันครั้งใหญ่  ว่าแล้ว เคาะขวา BDMS กันดีกว่า
 
ส่งโดย: blitzs
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2998  
   
180.183.150.*


« ความเห็นที่ #26 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 11:59:46 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/27/18 เวลา 01:02:32, gamma48 wrote:
ต่อไปน่าจะล้นแนะแพทย์  รพ.จังหวัดเริ่มเต็มแล้ว  รพช  ยังว่าง แพทย์จบมามาก เอกชนรับได้ไม่หมดแน่  คลีนิกความงามก็มีมากแล้ว  น่าจะแย่งงานกันมากขึ้น

ใช่ๆคิดเหมือนเราเลยค่ะ

The day you went away . . .
ส่งโดย: SantaNiCo female
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1378  
   
182.232.192.*


« ความเห็นที่ #27 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 13:04:41 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

หมอจะอยู่ชนบทได้ต้องมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย  
แต่ยอมรับว่าท่านที่อยู่ในชนบทได้ ก็เสียสละมากๆแล้วครับ

This too, shall pass
ส่งโดย: Hippo
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 2633  
   
171.4.232.*


« ความเห็นที่ #28 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 13:15:18 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

อะไรที่มันแก้ไม่ตรงสาเหตุมันก็ไม่หายหรอกค่ะ
ส่วนตัวเชื่อว่า 5 ล้านในสภาพปัจจุบันไม่น้อยยอมจ่ายค่ะถ้าทำจริง
 
จริงๆทุกคนก็รู้ว่าสาเหตุคืออะไร ที่ไม่แก้เพราะไม่อยากลำบากตัวเอง ประกอบกับระบบสุขภาพมันได้พังไปนานแล้วด้วยนโยบายขายฝัน
 
ที่มาของสี่แสนจริงๆุถ้าไปย้อนอ่านก็ไม่ได้สะท้อนต้นทุนอะไรมาแต่ต้นแล้วค่ะ  ยุคนั้นหมอจบใหม่หนีไปนอกกันมาก เลยตั้งขึ้นมาเฉยๆซึ่งถือว่าแพงมากในตอนนั้น ไม่ได้สะท้อนต้นทุนอะไร  อีกอย่างถ้าเอาค่าอุดหนุนมานับ ทุกคณะในมหาลัยของรัฐก็ได้รับมาเหมือนกันหมด ใช้ทุนให้ทุกคณะเลยมั้ย. ดังนั้นก็น่าจะเห็นแล้วนะคะว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรหับต้นทุนการผลิตแพทย์อะไ รเลย มันคือวิธีแก้ปัญหาปลายเหตุเท่านั้น เพราะไม่มีใครกล้าแก้ที่ต้นเหตุ
ส่งโดย: jengirl
สถานะ: Full Member ***
จำนวนความเห็น: 123  
   
68.46.255.*


« ความเห็นที่ #29 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 13:26:20 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

    ขึ้นค่าปรับ ๕ล้าน  ? - " ยังกับเป็นความผิดของแพทย์"....
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
124.120.192.*


« ความเห็นที่ #30 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:06:51 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

1. ถ้าจะเพิ่มค่าปรับจริง ควรเริ่มใช้กับนร.แพทย์ที่จะเข้าปี 1 รุ่นใหม่ หลังจากที่กฎนี้ประกาศใช้เรียบร้อยแล้วนะครับ  
ไม่ควรนำมาใช้ย้อนหลัง กับนร.แพทย์ ที่กำลังเรียนอยู่ หรือใช้กับแพทย์ที่จบมาแล้ว
ถ้าใครไม่เห็นด้วย จะได้ไม่ต้องมาเรียนแพทย์ตั้งแต่แรกครับ
ไปเรียนสายกฎหมาย ข้าราชการตุลาการ สายการทูต น่าจะดีกว่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:17:19 by carter »
ส่งโดย: carter
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1839  
   
171.6.199.*


« ความเห็นที่ #31 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:09:37 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

2.ถ้าจะให้ยุติธรรม พอเพิ่มค่าปรับแล้ว  
ขอเสนอให้เพิ่มเงินเดือนแพทย์ รวมถึง OT บ้างนะครับ
สักเดือนละ 1 แสน หรือใกล้เคียง เป็นขวัญและกำลังใจให้คนทำงานภาครัฐครับ
อย่าเพิ่มแต่ค่าปรับอย่างเดียว  
เพราะคนเสนอกฎนี้อ้างว่า ต้นทุนในการผลิตแพทย์มันสูงขึ้น ค่าครองชีพก้อสูงขึ้น  ดังนั้นเงินเดือนกับโอที มันก้อควรจะต้องสูงขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกันด้วยนะครับ เพื่อความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:22:09 by carter »
ส่งโดย: carter
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1839  
   
171.6.199.*


« ความเห็นที่ #32 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:14:30 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

3. โดยส่วนตัว เห็นว่าเพิ่มค่าปรับได้  
เพราะ ไม่ได้เพิ่มมาเป็นสิบปีแล้ว
แต่ ก้อไม่น่าจะถึง 4-5 ล้านนะครับ
กฎควรต้องยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายนะครับ
อย่าตั้งสูงๆ เพียงเพราะ แกล้งกัน
และถึงจะมีเหตผลมารองรับว่า ต้องตั้งค่าปรับ 4-5 ล้านจริง  
ก้อควรต้องเพิ่มเงินเดือนและโอที ให้สูงขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกันด้วย เพราะเงินเดือนกับโอที มันก้อต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมานานแล้วเช่นเดียวกันกับค่าปรับครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:24:35 by carter »
ส่งโดย: carter
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1839  
   
171.6.199.*


« ความเห็นที่ #33 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:35:49 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ฝากไปถึงคนที่คิดเพิ่มค่าปรับและคนที่สนับนุนด้วยนะครับ
อย่าคิดเอาแต่ได้อย่างดียว
"ช่วยเพิ่มเงินเดือนและโอที" ให้คนทำงานภาครัฐด้วยนะครับ
ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยครับ (เพราะไม่หวังว่าภาระงานจะลดลงอยู่แล้ว)  
และอย่าตัดสวัสดิการข้าราชการกันนักเลย
(ถึงแม้พวกคุณ จะมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าอะไรก้อแล้วแต่ ที่มาสนับสนุนแนวคิดของพวกคุณก้อตาม)
 
ปล ผมหลุดพ้นมาจากข้าราชการนานแล้วครับ  รุ่นค่าปรับ 4 แสน
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/27/18 เวลา 14:36:37 by carter »
ส่งโดย: carter
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1839  
   
171.6.199.*


« ความเห็นที่ #34 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 15:06:49 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

โดยส่วนตัวเห็นด้วยค่ะ ที่จะเพิ่มค่าปรับ
แต่น่าจะปรับแค่ 1 ล้านพอ ถ้ามี GP อยู่ใน รพช เยอะๆเนี่ย
เรื่องอยู่เวรหนักๆ จะหนักน้อยลง เพราะมีตัวหารเยอะ
 
แต่สาธารณสุขเนีย ก็ต้องช่วยแพทย์ด้วยนะคะ
ควรให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมด้วยค่ะ
เรื่องเงินเดือนล่าช้าเนี่ย ก็ควรแก้ให้ได้สักที
 
ส่วน specialist ที่เบี้ยวทุนเนี่ย ควรจะปรับเพิ่มขึ้นเหมือนกัน
ถ้ามีแต่คนขอทุนไปเรียน แล้วเบี้ยวเนี่ย หมอ specialist ที่เหลืออยู่
ก็จะหนักขึ้น  แล้วคนซวย ก็จะเป็น GP อีก จะ refer จะ consult อะไรก็ยากขึ้นอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/27/18 เวลา 15:08:11 by gundamwing »
ส่งโดย: gundamwing
สถานะ: Full Member ***
จำนวนความเห็น: 172  
   
1.20.187.*


« ความเห็นที่ #35 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 16:13:56 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/27/18 เวลา 14:06:51, carter wrote:
1. ถ้าจะเพิ่มค่าปรับจริง ควรเริ่มใช้กับนร.แพทย์ที่จะเข้าปี 1 รุ่นใหม่ หลังจากที่กฎนี้ประกาศใช้เรียบร้อยแล้วนะครับ  
ไม่ควรนำมาใช้ย้อนหลัง กับนร.แพทย์ ที่กำลังเรียนอยู่ หรือใช้กับแพทย์ที่จบมาแล้ว
ถ้าใครไม่เห็นด้วย จะได้ไม่ต้องมาเรียนแพทย์ตั้งแต่แรกครับ
ไปเรียนสายกฎหมาย ข้าราชการตุลาการ สายการทูต น่าจะดีกว่าครับ

 
ถูกต้อง ครับ และ ยกเลิกการค้ำประกันไปเลย ให้คนที่เรียนรับผิดชอบค้ำประกันตัวเอง
ส่งโดย: -=Jfk=- male
สถานะ: Moderator, ThaiClinic Staff *****
จำนวนความเห็น: 3671   WWW Email
   
1.2.195.*


« ความเห็นที่ #36 เมื่อ: 06/27/18 เวลา 21:54:34 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ควรลดการผลิตแพทย์ได้แล้ว ควรเพิ่มคุณภาพแทน จำนวนในปัจจุบันเยอะมาก ราวข้างเตียงทีมากกว่าสิบคน

"You discover more by blazing a trail than by following a path"
ส่งโดย: Tennoji
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 932  
   
27.130.91.*


« ความเห็นที่ #37 เมื่อ: 06/28/18 เวลา 07:37:20 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

มู้ข้างล่าง  อาจารน์แพทย์ อยากลาออก  
มู่นี้บอก จะผลิตแพทย์ เพิ่ม    
.....อาจารย์ หมอ น้อย งานมาก เพิ่ม จำนวน นศพ
......คุณภาพ ล่ะ  ต่อไป
ส่งโดย: candy girl Email     1.46.195.*


« ความเห็นที่ #38 เมื่อ: 06/28/18 เวลา 10:31:33 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ถ้าคิดต้นทุนที่รัฐอุดหนุนให้กับทางรร.แพทย์ คือ งบลงทุน 2 ล้าน กับ งบรายปี 3แสนx6 ปี คิดดอกเบี้ยย้อนหลัง 7.5%. ต่อปี 5 ปี ตัวเลขหนี้จะอยู่ที่ 5.04 ล้านบาทครับ  
 
แต่ถ้าจะทำแบบนี้ควรมีทางเลือกเหมือนต่างประเทศที่ค่าเทอมแพงๆเช่นอเมริกา คือ ใครอยากจ่ายค่าลงทุนตรงนี้ก็จ่ายไปเองเลยไม่ต้องรับทุน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระเรื่องดอกเบี้ยเพิ่มมาอีก 1.2 ล้านครับ
ส่งโดย: Innominate male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1943  
   
49.229.184.*


« ความเห็นที่ #39 เมื่อ: 06/28/18 เวลา 11:51:55 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

      เพิ่มค่าปรับ๑๐เท่า , ดีมั้ย ? - " มันไม่ควรเป็นแบบนี้"
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
171.96.187.*


« ความเห็นที่ #40 เมื่อ: 06/28/18 เวลา 16:22:19 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เห็นด้วยครับ  Grin
ส่งโดย: WeaReGroot
สถานะ: Full Member ***
จำนวนความเห็น: 221  
   
27.145.176.*


« ความเห็นที่ #41 เมื่อ: 06/28/18 เวลา 21:04:39 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/27/18 เวลา 01:02:32, gamma48 wrote:
ต่อไปน่าจะล้นแนะแพทย์  รพ.จังหวัดเริ่มเต็มแล้ว  รพช  ยังว่าง แพทย์จบมามาก เอกชนรับได้ไม่หมดแน่  คลีนิกความงามก็มีมากแล้ว  น่าจะแย่งงานกันมากขึ้น

 
รพช.แถวๆ จังหวัดผม ยังมีหนังสือมายืมตัวกันวุ่นวายทุกเดือน  
วันนี้ก็เพิ่งปฏิเสธหนังสือขอความร่วมมือให้ไปช่วยอยู่เวร รพช.ข้างเคียง ที่มีหมอเหลืออยู่ 3 คนรวม ผอ.
ส่งโดย: Hybrid VI
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 6180  
   
182.232.160.*


« ความเห็นที่ #42 เมื่อ: 06/28/18 เวลา 21:07:09 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 06/27/18 เวลา 09:50:24, zinc wrote:
ก็แก้ที่สาเหตุแล้วครับ ตรงเป๊ะ คืออุดด้วยเงินใช้ทุน
เมื่อมีแพทย์มากขึ้นก็จะเริ่มมีการปรับระบบได้ดีขึ้น
คุณภาพชีวิตแพทย์ชนบทจะได้ดีขึ้นมีเวลาพักผ่อนบ้าง
การเรียกร้องให้ปรับชั่วโมงทำงานลงหรือลดภาระเสมือนไม่ยอมรับความจริง
ที่ว่าไม่มีทางที่ภาระจะลด มีแต่เพิ่มกับเพิ่มเพราะไทยเราเข้าสู่สังคมชราแล้ว
คนป่วยมากขึ้น การผลักภาระให้พยาบาลตรวจแทนบ้างหรือจนท.อนามัย
ตรวจบ้าง ยุคนี้คงไม่ได้แล้วครับ  
ผมมองว่าข้ออ้างพวกนี้ควรหมดไปแล้วยอมรับความจริง ถ้ามันแก้ง่ายคงไม่
เป็นปัญหาถึงวันนี้ ค่าใช้ทุนควรเพิ่มมานานแล้วแต่กระทรวงไม่ทำเพราะมี
ลูกหลานเรียนหมอกันทั้งนั้น ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน

 
ถ้าให้ตรวจ ER นอกเวลาทุกเคส ให้ค่าตอบแทน 1,100 บาท/เวร เชิญเลยครับ ใครอยากได้ขายหมด. กูไม่อยู่ 555
ส่งโดย: Hybrid VI
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 6180  
   
182.232.160.*


« ความเห็นที่ #43 เมื่อ: 06/29/18 เวลา 14:29:46 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เห็นด้วยครับ ในเบื้องต้นก็ได้ผลทันทีแน่ สำหรับน้องนักศึกษารุ่นใหม่ที่เข้ามาเรียนนะครับ และ เห็นด้วยเรื่องค้ำตัวเองได้เลย ถ้าค่าปรับสูงขนาดนั้นนะครับ  
 
ถ้าเบี้ยวไม่จ่าย ก็ฟ้อง พักใบประกอบ รับรองว่าอุดอยู่แน่ครับ แต่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบเลยครับ  
 
ว่าแต่ตัวเลข 5M มาจากไหน ?  
 
ถ้าคำนวนจากค่าตอบแทน (เงินเดือน เงินเวร) ของทั้ง 3 ปีรวมกันได้ เท่าไหร่ (เฉลี่ยทั่วประเทศ ของปีหลังๆมาเฉลี่ย) มาตั้งเป็น ตัวเลขค่าปรับดีไหมครับ ?
 
 Grin Grin Grin Grin
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
125.27.125.*


« ความเห็นที่ #44 เมื่อ: 06/29/18 เวลา 15:59:05 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

   เพิ่มค่าปรับ๑๐เท่า ? - " ดูเผินๆเหมือนแก้ปัญหา  เพราะง่ายที่จะเห็นแบบนั้น   ทว่า  ดูดีๆ(ลงท้าย)ทำทุกอย่างแย่ลง"
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
171.96.191.*


« ความเห็นที่ #45 เมื่อ: 06/29/18 เวลา 20:14:19 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เล่นเกมส์แบบทุนนิยม   ก็ต้องแก้ด้วยทุนนิยม
 
 

 
1.การเพิ่มค่าปรับหมอเบี้ยวทุน  
 
 ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แน่ๆ   แต่เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด
 
 ของระบบราชการ   ณ  เวลาปัจจุบัน
 
ซึ่งผมเคยเสนอ ให้เพิ่ม  เงิน  เพื่อตั้งกำแพง  เพื่อป้องกันการหนีทุน มาไม่ต่ำกว่า 5  ปี   แล้ว
 
เหตุผล  เพราะ  เรา อยู่ในระบบทุนนิยม    ก็ต้อง  แก้ปัญหาด้วยทุนนิยม demand supply   ค่าตอบแทน
 
2.  การขังหมอไว้ในระบบ  จะได้อะไร
 
จาก  ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (The Butterfly Effect)
 
1. มีคนทำงานมากขึ้น ในระบบ   ทำให้  หมอในระบบทำงานเหนื่อยน้อยลง  ขึ้นเวรน้อยลง  ได้พักผ่อนมากขึ้น    โดยสัดส่วนรายได้ จะขึ้นอยู่กับความพอใจมากขึ้น  คือไม่ได้ต้องถูกบังคับให้อยู่เวร
 
แต่หากอยากได้รายได้มากขึ้น  ก็  ออกหาเวร หรือรับ part time  เอง
 
หมอที่อยู่ในระบบจะ เข้าสู่สมดุลมากขึ้น
 
 
โดยใช้หลักการ  ทำแต่น้อย แต่ได้ผล  เยอะ(ใช้สัญญาบังคับโดย จุดได้เปรียบของระบบรัฐคือสถานที่เรียนต่อเฉพาะทาง  ใครออกนอกระบบจะมีโอกาศเรียนต่อได้แต่จะน้อยกว่าคนในระบบ)  
 
2.โรงพยาบาลเอกชนจะกระทบเต็ม เพราะต้นทุนบุคลากรที่เคยซื้อตัว
 
เพื่อหนีทุน เงินกินเปล่า 1 ล้าน  ต้องเพิ่มสูงขึ้น  จะเป็นเหตุให้หาหมอ fulltime เอกชน ในอนาคตจะยากขึ้นจะเห็นผลก็ราว  5  ปีขึ้นไป
หมอจะจ้างแบบ parttime มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามอาจ มีผลแทรกซื้อนจากหมอ ที่เก่งๆ จาก AEC เข้ามาในระบบมากขึ้นในอนาคต
 
รวมถึง โรงพยาบาลเครือข่ายทีมีอยู่ในตลาดหลักทรัพบ์  ต้องดิ้นรน เปิด หลักสูตรแพทยศาสตร์เองหรือร่วมกับสถาบันทางการแพทย์อื่นเพื่อป้อนเข้าไปในระ บบ
 
ดังนั้น  คนที่จะเป็นคนแก้เกมส์คือเอกชน
 
 
ผลลัพธ์สุดท้ายแล้วหากเ็นไปตามคาดการณ์  
 
 
จากการเพิ่มการชดใช้ทุน  จะทำให้โอกาสที่หมอในระบบ ในอนาคต จะเพิ่มมากขึ้น  โดยขึ้นอยู่กับการปรับตัวของโรงพยาบาลเอกชนเป็นหลัก  
 
 
3.  ต้นทุน การดำเนินงานทีี่ fix cost เช่นเงินเดือน ของโรงพยาบาลเอกชน  เพิ่มขึ้นแน่ๆ   และจะตามมาด้วย  ราคาการรักษาพยาบาลในเอกชน จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน  โดย  จะค่อยๆมีผล  เหมือนกับทฤษฎีต้มกบ

 
 
ปล. ทั้งหมดเป็นการคาดการณ์
ส่งโดย: philosophy
สถานะ: Senior Member ****
จำนวนความเห็น: 424  
   
134.196.77.*


« ความเห็นที่ #46 เมื่อ: 06/30/18 เวลา 09:55:54 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เป็นประเด็นที่ถกเถียงหรือกำลังจะเริ่มประกาศใช้จริงคะ เมื่อไหร่เหรอ
ส่งโดย: SeReE
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1404  
   
1.0.154.*


« ความเห็นที่ #47 เมื่อ: 07/01/18 เวลา 05:56:24 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ใช้ทุนห้าล้าน ปรับทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ
กำหนดเวลาทำงานเหมือนนักบิน
รับเรสสิเด้นแบบranking / matching  
ขึ้นฐานเงินค่าตอบแทน ปรับใหม่ทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ
ต้องทำประกันวิชาชีพ
ระบบนัดคนไข้และรีเฟอร์แบบนัดหมายตามเขตสุขภาพ
แพทย์ครอบครัว
พรบ วิธีพิจารณาคดีทางแพทย์
ไม่มีการใช้เส้นทุกระดับ  
 
นึกไม่ออกแระ
โลกเสมือน โลกคู่ขนาน  
หรือ
โลกที่ไม่มีอยู่จริง
 
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 07/01/18 เวลา 05:58:15 by Ines_de_BK »
ส่งโดย: Ines_de_BK
สถานะ: Full Member ***
จำนวนความเห็น: 134  
   
223.24.4.*


« ความเห็นที่ #48 เมื่อ: 07/01/18 เวลา 08:24:56 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 07/01/18 เวลา 05:56:24, Ines_de_BK wrote:
ใช้ทุนห้าล้าน ปรับทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ
กำหนดเวลาทำงานเหมือนนักบิน
รับเรสสิเด้นแบบranking / matching  
ขึ้นฐานเงินค่าตอบแทน ปรับใหม่ทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ
ต้องทำประกันวิชาชีพ
ระบบนัดคนไข้และรีเฟอร์แบบนัดหมายตามเขตสุขภาพ
แพทย์ครอบครัว
พรบ วิธีพิจารณาคดีทางแพทย์
ไม่มีการใช้เส้นทุกระดับ  
 
นึกไม่ออกแระ
โลกเสมือน โลกคู่ขนาน  
หรือ
โลกที่ไม่มีอยู่จริง
 

 
 
จริงคงดีมากๆ
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
118.174.201.*


« ความเห็นที่ #49 เมื่อ: 07/01/18 เวลา 10:33:01 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

น้องๆ เค้าบอกว่า ร 5 เลิกทาสไปนาน แล้ว  นี่ยึคประชาธิปไตย555
ส่งโดย: candy girl Email     1.46.226.*


« ความเห็นที่ #50 เมื่อ: 07/02/18 เวลา 11:31:23 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เห็นด้วยกับphilosophyครับ
แต่ตอนนี้รพ.เอกชนกำลังเจอแรงต้านจากประชาชนให้คุมค่ารักษา
ไม่ให้เวอร์วังต่างกันแบบไม่มีมาตรฐานใดๆเลย สรุปคือให้มีเพดานที่
เหมาะสม การชดใช้ทุน5ล้านจะเริ่มในปีหน้าครับ โดยทางสาสุขเน้นว่า
ไม่ต้องการเงิน แต่ต้องการให้ชดใช้ทุนให้ครบตามสัญญา  
อนึ่ง ผมยังอยากเสนอว่าไม่ควรนับปี1ที่ฝึกInternเป็นการใช้ทุนด้วย
ควรนับจากการออกมาปฏิบัติงานจริงๆรวม3ปีเต็มครับ
ส่งโดย: zinc male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1432  
   
110.78.148.*


« ความเห็นที่ #51 เมื่อ: 07/02/18 เวลา 15:56:38 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ


 

 
ยังไม่เคาะค่าปรับ 5 ล้านบาท "หมอเบี้ยวใช้ทุน" รอสรุปจาก ร.ร.แพทย์ รมว.สธ.ยันต้องปรับให้เหมาะสม  
 
Quote:

รมว.สธ.แจงยังไม่เคาะตัวเลขค่าปรับ "หมอเบี้ยวใช้ทุน" ชี้ 5 ล้านบาทแค่การประมาณการ ยังต้องรอข้อสรุปจากกลุ่มโรงเรียนแพทยืก่อน เหตุต้นที่แต่ละที่ต่างกัน แต่ต้องปรับเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับค่าเงินและสถานการณ์ ระบุหมอลาออกยังไม่มากจนอันตราย
 

 
https://mgronline.com/qol/detail/9610000065584

 


“Victory Loves Preparation”

ส่งโดย: :: King of BANPU :: male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 23200  
   
58.8.153.*


« ความเห็นที่ #52 เมื่อ: 07/03/18 เวลา 18:19:24 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

         ค่าปรับ....นิยาม ? - " กดคุณลงเป็นทาส"
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
171.96.190.*


Page(s) : 1 


แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print



Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by