แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 36854: สมาพันธ์หัวใจโลกย้ำ “บุหรี่” คือสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด  (จำนวนคนอ่าน 513 ครั้ง)
« เมื่อ: 05/30/18 เวลา 14:51:45 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

IQ-895652312.jpg
สมาพันธ์หัวใจโลกย้ำ “บุหรี่” คือสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด
 
 - องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศคำขวัญประจำวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2561 คือ "รักษ์หัวใจ ห่างไกลบุหรี่" (Tobacco breaks hearts, choose health and not tobacco)
          - การสูบบุหรี่มีส่วนในการเสียชีวิตของผู้คนราว 7 ล้านคนทั่วโลกทุกปี และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจล้มเหลว รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำ
          - สมาพันธ์หัวใจโลก (WHF) ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างบุหรี่กับการเกิดโรคหัวใจแล ะหลอดเลือด ตลอดจนส่งเสริมให้ตระหนักถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นทันทีและประโยชน์ในระยะยาวจ ากการเลิกสูบบุหรี่
 
          องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันงดสูบบุหรี่โลกตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี สำหรับปีนี้จะเน้นรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างบุหรี่กับ การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การสูบบุหรี่มีส่วนในการเสียชีวิตของผู้คนราว 7 ล้านคนทั่วโลกทุกปี ทั้งจากการสูบบุหรี่โดยตรงหรือการได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่น
 
          (โลโก้: https://mma.prnewswire.com/media/696965/World_Heart_Federation_Logo.jpg )
 
          การสูบบุหรี่ทำลายหลอดเลือดและทำให้เลือดข้นขึ้น ส่งผลให้อัตราการสูบฉีดเลือดและความดันเลือดสูงขึ้น ทั้งยังทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ นอกจากนั้นยังเป็นสาเหตุอันดับสองของโรคหัวใจและหลอดเลือด รองจากความดันโลหิตสูง และเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตทั่ว โลก ทางสมาพันธ์หัวใจโลกจึงขานรับวันงดสูบบุหรี่โลกที่ริเริ่มโดยองค์การอนามัยโ ลก
 
          แม้ว่าประชาชนทั่วไปจะคุ้นเคยกับผลกระทบของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพ แต่องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า คนทั่วไปแทบไม่คิดว่าบุหรี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคหัวใจและหลอดเลือด ศาสตราจารย์เดวิด วู้ด ประธานสมาพันธ์หัวใจโลก กล่าวว่า "การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สามารถหลีกเลี ่ยงได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจให้เลิกสูบบุหรี่ รวมถึงช่วยให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดส มองเลิกสูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของผู้ป่วย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เราจำเป็นต้องรณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี ่ที่มีต่อหัวใจ รวมถึงรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนไม่ข้องแวะกับบุหรี่ตั้งแต่ต้น"
 
          เกือบ 80% ของผู้ที่สูบบุหรี่หนึ่งพันล้านคนทั่วโลก อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ ซึ่งต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตเพราะบุหรี่สูงม าก ด้วยเหตุนี้ สมาพันธ์หัวใจโลกจึงดำเนินนโยบาย "เพราะทุกจังหวะหัวใจล้วนมีความหมาย" (Because every heartbeat matters) เพื่อยกระดับการเข้าถึงการดูแล ป้องกัน ควบคุม และจัดการโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับทุกคน ทุกสถานะ และทุกสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต
 
          ศาสตราจารย์วู้ดกล่าวเสริมว่า "เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าถึงความจำเป็นในการเน้นย้ำความเสี่ยงของบุหรี่ที่ มีต่อสุขภาพหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดอย่างต่อเนื่อง การนำผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ภาครัฐ สถาบันต่างๆ ภาคอุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไปมาร่วมมือกัน ทำให้เราสามารถให้ความรู้อย่างต่อเนื่องแก่ประชาชนเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ และรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลรักษาทั่วโลก" อีกไม่นานนี้ สมาพันธ์หัวใจโลกจะเผยแพร่เอกสารข้อเท็จจริง 2 ฉบับเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ โดยฉบับหนึ่งสำหรับประชาชนทั่วไป และอีกฉบับหนึ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
 
          ในวันที่ 29 กันยายน สมาพันธ์หัวใจโลกจะเฉลิมฉลองวันหัวใจโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพห ัวใจและหลอดเลือดที่ดี และหนึ่งในสาระสำคัญที่จะนำเสนอก็คือ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นทันทีและประโยชน์ในระยะยาวจากการเลิกสูบบุหรี่ ดังนี้
 
          - ภายในเวลาเพียง 20 นาที อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตจะลดลง
          - 12 ชั่วโมงหลังจากหยุดสูบบุหรี่ ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือดจะลดลงและกลับคืนสู่ระดับปกติ
          - ในระหว่าง 2-12 สัปดาห์ ระบบไหลเวียนเลือดและการทำงานของปอดจะดีขึ้น
          - ในช่วง 9 เดือนแรก อาการไอและหายใจลำบากจะลดลง
          - 1 ปีหลังจากเลิกสูบบุหรี่ ความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของผู้ที่สูบบุ หรี่
          - ในระหว่าง 5-15 ปีหลังจากเลิกสูบบุหรี่ ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโรคหลอดเลือดสมองจะลดลงเท่ากับผู้ที่ไม่สูบบุหรี ่
          - 15 ปีหลังจากเลิกสูบบุหรี่ ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโรคหลอดเลือดหัวใจจะเท่ากับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
 
          ที่มา: สมาพันธ์หัวใจโลก
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 05/30/18 เวลา 14:55:43 by IQ »
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
119.76.145.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by