แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 783: มีปัญหาเกี่ยวกับฟันกรามค่ะ  (จำนวนคนอ่าน 1373 ครั้ง)
« เมื่อ: 06/26/10 เวลา 00:07:50 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

คือว่าดิฉันมีปัญหาฟันกามแตก (ไปดูจากรูปมาน่าจะเป็นซี่ที่ 2nd Molar ข้างซ๊ายค่ะ) จริง ๆ ฟันกามนี้มันเริ่มแตกและผุ (ยอมรับว่ากินแต่ของหวานกับแปรงฟันต่อวันแค่ 1 ครั้ง) มานานมากแล้วตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ๆ อายุประมาณ 16-17 จนถึงตอนนี้ก็เริ่มดูแลรักษาฟันมากขึ้น ตั้งแต่อายุ 17 ปีไม่เคยไปหาหมอฟันมาก่อนเลย พอตอนนี้อายุ 30 แล้วฟันกรามซี่นั้นมันแตกมากขึ้น ขนาดที่ว่าเอาลิ้นไปแตะ ๆ รู้สึกได้ถึงเหงือและความคมของฟันที่มันแตกไปซึ่งจากที่ดูแล้วมันแย่มาก เนื้อฟันหลุดไปเยอะมากเหลือแค่คอบ ๆ ที่คม ๆ ของฟัน และจะมีอาการเหงือบวมอยู่บ่อย ๆ พอทานอาหารหวาน ๆ หรือหนัก ๆ เหงือมักจะบวมและปวด เนื่องจากไม่เคยหาคุณหมอฟันเลยตั้งแต่อายุ 17 เคยลองไปสอบถามคนอื่น บางคนก็บอกว่าไม่ให้ถอนเพราะเป็นฟันกราม บางคนบอกให้ครอบฟัน อยากจะถามคุณหมอว่า ควรทำอย่างไรกับฟันกรามมซี่นี้ดี เพราะปกติแล้วเป็นคนกลัวการถอนฟันมากที่สุดเลยไม่กล้าไปรักษา แต่อยากฟังคำแนะนำก่อนค่ะ
ส่งโดย: amdecour Email     61.7.175.*


« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 06/26/10 เวลา 07:15:20 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

คิดว่าฟันซี่นั้นคงจะผุทะลุประสาทฟันไปแล้วมีทางเลือก 2 อย่างคือ
 
- ถ้าฟันซี่นั้นรากฟันยังแข็งแรง เนื้อฟันยังเหลืออยู่มาก อาจรักษารากฟันและทำครอบฟันสวมลงไปอีกที ข้อดีคือ ไม่ต้องถอนฟันออก สามารถเก็บฟันไว้ใช้งานได้ต่อไป ข้อเสียคือ ถ้าเป็นโรคมาก อาจไม่หาย และราคาค่ารักษาที่สูงประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป
- วิธีที่ 2 คือ การถอนฟัน ข้อดี ง่ายๆ สบายๆ จบปัญหา ราคาถูก ข้อเสียคือ ฟันหลอ บางครั้งอาจต้องใส่ฟันปลอม ซึ่งต้องให้คุณหมอพิจารณาอีกที  
 
เรื่องความเจ็บปวด มีแน่นอน ... จริงๆ แล้วควรพูดว่า การทำฟันไม่ว่าอะไร จะเล็กจะน้อย จะใหญ่จะโต มันก็ต้องมีเจ็บปวดบ้าง จงทำใจ และคิดเสียว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หากกลัวจนไม่ได้รักษา หากสายเกินแก้ เราจะไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร ฟันไม่สวย เสียบุคลิกภาพ จะแย่ไปกันใหญ่ นะคะ Smiley
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9099  
   
58.9.191.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 06/26/10 เวลา 08:31:51 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

อยากถามคุณหมอว่า การถอนฟันกรามออกนี่มันยุ่งยากไหมค่ะ หมายถึงว่าผ่ายากและน่ากลัวหรือเปล่า ดิฉันคิดว่าคงอาจจะผ่าไม่ยากเพราะเนื้อฟันมันเหลือนิดเดียว แต่อยากรู้ว่า มันผ่ายากและหลังจากผ่าต้องใช้เวลาที่เดือนแผลถึงจะหายดีค่ะ กังวลจริง ๆ
 
ขอบคุณค่ะ
ส่งโดย: amdecour Email     61.7.169.*


« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: 06/26/10 เวลา 10:36:50 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

- ปกติ ถึงแม้ฟันจะเหลือเนื้อฟันอยู่น้อย ก็คงไม่ถึงกับต้องผ่าออก หมอเขาจะพยายามแซะๆ เขี่ยๆ จนฟันออกมา มากกว่าที่จะลงมือผ่าออก ส่วนใหญ่การผ่าฟัน จะใช้กรณีที่ผ่าฟันคุดมากกว่า
- ขั้นตอนคร่าวๆ ของการถอนฟัน ก็คือ ฉีดยา-->รอให้ชา แล้วก็ใช้เครื่องมือคล้ายช้อนอันเล็กๆ ค่อยๆ เขี่ย ไปตามเหงือก หมอจะออกแรงนึดนึงค่อยๆ ดันฟันขึ้นมา--> อาจใช้คีมถอนฟันช่วย ทำไปทำมาเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ออก ระยะเวลาก็ตามสภาพว่ายากหรือง่าย ถ้าง่ายก็ 5 นาทีเสร็จ ถ้ายากหน่อยก็อาจจะนานกว่านั้น
- เรื่องการหายของแผล มันมีขั้นตอนของมัน เรียกว่าหายตามลำดับ 3 วันแรก ก็จะมีเหงือกหยุ่นๆ งอกออกมาคลุมแผล --> พอ 7 วันแผลก็น่าจะคงตัวแต่แผลจะเป็นหลุมโบ๋อยู่ จากนั้นก็ซักเดือนนึง เหงือกถึงจะงอกมาเต็มรูและพร้อมที่จะใส่ฟันปลอม (หากต้องการ)
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9099  
   
58.9.191.*


Page(s) : 1 


แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print



Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by