แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 357: รบกวนหมอหนิงโดยเฉพาะคับ  (จำนวนคนอ่าน 8703 ครั้ง)
« เมื่อ: 12/15/09 เวลา 00:34:38 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

สวัสดีครับพี่หมอหนิง...ขอแนะนำตัวก่อนครับ ผมเป็นหมอ GP ครับ อยู่รพช. แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด กำลังจะไปเป็น resident plastic surgery ปีหน้าครับ
ปัญหาอยู่ที่ แฟนผมเป็นคนโครงหน้า ค่อนข้างกว้าง (zygoma & mandible กว้าง) ไปจัดฟันเนื่องจาก ฟันกลามล่างผุ 2 ซี่(ด้านละซี่)ถอนไป ตั้งแต่เด็ก ทำให้ฟันล้ม..
ได้เลื่อกวิธีจัดฟันโดยการถอนฟันกลามบนเพิ่มอีก 2 ซี่ แล้วดึงฟันทั้งหมดเข้ามา เสร็จแล้วไม่ต้องใช้ฟันปลอม..ก่อนทำหมอก็เตือนแล้วว่าหน้าจะตอบลง
แต่เราก็มองไม่เห็นภาพ...ตอนนี้จัดได้ 4 เดื่อนแล้วครับ แก้มตอบไปในทางที่แย่ลง ผมเห็นเธอแอบร้องให้คนเดียวบ่อยๆ ผมก็พยายามให้กำลังใจ (คือเมื่อก่อนหน้าตาเธอจัดว่าสวยครับ สวยแบบกลมๆ 5 5 5)  
 
สุดท้ายเราปรึกษาหมอจัดฟันของเรา หมอบอกว่า ไม่มีวิธีทำให้แก้มกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยิ่งจัด ยิ่งตอบมาก แล้วคุณหมอก็แนะนำว่ามีทางเดียวคือหยุดดึงฟันต่อ แต่มันก็จะตอบอยู่เท่านี้ สุดท้ายต้องใส่ฟันปลอม 4 ซี่ (รวมซี่ที่ถอนเองอีก 2 ซี่) แฟนผมน้ำตาคลอเลยครับ เราตกลงเลือกทางที่หมอแนะนำ (คือ หยุดการดึงฟัน ที่ดึงไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ หมอจะเปิดช่องว่างสำหรับฟันปลอม 2ซี่บน และ 2 ซี่ล่าง)ฟันปลอม 4 ซี่ก็ยอม แลกกับความมั่นใจในการดำเนินชีวิตของเธอ...
ผมขอปรึกษาข้อเดียวสั้นๆครับ  มีการจัดฟันที่สามารถเรียงฟันเพื่อดัน soft tissue บริเวณแก้ม ให้หน้าที่ตอบไปแล้วกลับมาได้รูปเหมือนเดิมมั้ยครับ (ดึงฟันที่จัดไปแล้วให้ขยายออกเพื่อพยุง soft tissue ที่แก้ม อะไรประมาณนี้  )  ถ้าทำได้เราจะทำทันทีครับ ได้โปรดตอบผมด้วยนะครับ จะไม่ลืมพระคุณ  ไม่เคยคิดจะเบลมคุณหมอจัดฟันของเรานะคับ เป็นหมอด้วยกัน เข้าใจคับ ... สงสารคนที่ผมรัก ไม่อยากให้เธอแก้มตอบอย่างนี้ และต้องใส่ฟันปลอม 4 ซี่
 
  ;) :-/
ส่งโดย: tlansai Email     125.25.252.*


« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 12/15/09 เวลา 07:50:46 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

วิธีดังกล่าวคงไม่มีน่ะค่ะ  
 
buccal pad of fat ถ้ารับประทานอาหารให้สมบูรณ์ ก็จะมีการสะสมไขมันให้แก้มยุ้ยได้ คนส่วนใหญ่ระหว่างจัดฟันมักจะหน้าตอบลง เพราะรับประทานอาหารลำบาก ความเครียด กิจกรรมในชีวิตประจำวัน ฯลฯ แต่เมื่อถอดเครื่องมือและได้รับประทานอาหารตามปกติ ก็จะอ้วนขึ้นได้ ไม่ได้มีงานวิจัยยืนยันแต่จากประสบการณ์น่ะค่ะ
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9099  
   
58.9.195.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 12/15/09 เวลา 11:34:21 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

;Dขอบคุณพี่หมอหนิงมากคับ เจอคำถามแก้มตอบทุกวัน จริงๆ อยากจะกรี๊ดวันละหลายๆรอบเลยใช่มั้ยคับ "จัดฟัน..ไม่ได้จัดหน้า 5 5 5"
 
ที่จริงผมก็อยากให้เธอจัดต่อนะคับ แต่สภาพจิตใจเธอไม่ไหวจริงๆ กลัวว่าจะตอบไปมากกว่านี้ เลยเลือกวิธีหยุดจัดไว้ก่อน แล้วลองใช้ชีวิตร่วมกับฟันปลอมแบบถอดได้ไปสักระยะหนึ่งแล้วค่อยตัดสินใจอีกท ี่..ไม่รู้มาถูกทางป่าว ขอคำแนะนำด้วยครับพี่หนิง...
ส่งโดย: tlansai Email     125.25.252.*


« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: 12/15/09 เวลา 13:00:28 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าควรจัดต่อให้เสร็จ แต่มีข้อสังเกตเพิ่มเติมดังนี้
 
- เห็นบอกว่า เริ่มแรกฟันกรามหลอ แล้วหมอพยายามดึงฟันให้ชิดกัน --> เรื่องนี้ ทำได้ยาก (ทำได้บ้างแต่ทำได้ยาก) เพราะฟันกรามซี่ที่ 1 (first molar) เป็น landmark ที่สำคัญในการเรียงฟัน เมื่อฟันซี่นี้ถูกถอนออกไป อย่างไรการสบฟันก็จะไป perfect หมอจัดฟันจะพยายามดึงฟันกรามซี่ที่ 2 ทดแทน บางครั้งฟันล้มก็ต้องผลักให้ฟันตั้งตรงอีก วิทยาการสมัยใหม่ อาจใช้ micro implant ช่วยในการดึงฟัน
- อุปสรรคของฟันกรามอีกอย่างคือ ฟันกรามเคลื่อนที่ได้ยาก เพราะซี่ใหญ่ อีกทั้งในขากรรไกรล่าง bone dense กว่าในขากรรไกรบน บางครั้งเมื่อพยายามดึงฟันให้เข้ามาชิดได้ก็ถึง limit ของฟันกรามน้อยซี่ที่ 2 (second premolar) ไม่สามารถทำให้ฟันเข้าชิดกันได้
- การจัดฟัน โดยพื้นฐานคือการส่งแรงกระทำลงไปจากเครื่องมือเพื่อให้ bone รอบๆ รากฟันเกิดแรงกิริยา=ปฏิกิริยา ตามกฎของนิวตัน โดยกระดูกทางด้านหนึ่ง (ด้านที่เราต้องการให้เคลื่อนไป) ละลาย อีกด้านหนึ่ง (ด้านตรงกันข้าม) พอกพูน แต่ด้วยขีดจำกัดของฟัน คือหากส่งแรงมากเกินไป ไม่ใช่แค่ bone จะละลาย แต่รากฟันกลับละลายไปด้วย ซึ่งเป็น adverse effect ฉะนั้นแรงที่ส่งจะต้องเป็น optimal force ไม่เกิน physiologic ของฟัน
 
สรุปคือ ฟันกรามหลอ ทำให้ฟันชิดกันได้ยาก บางครั้งจะเหลือช่องว่างเล็กๆ ส่วนเรื่องการจัดฟันทำให้หน้าตอบ มันไม่เชิงว่าจะเกิดจากการจัดฟันโดยตรง บางคนอยากจัดฟันเพื่อทำให้หน้าตอบ มันก็งงๆ ดีเหมือนกัน  Smiley
- ส่วนเรื่องการถอนฟันในฟันบน การถอนฟันออกบางซี่เพื่อ gain space สำหรับเคลื่อนที่ฟันนั่นเอง และจะต้องสมดุลกันระหว่างฟันบนและฟันล่าง แต่เรื่องการถอนฟันก็ต้อง apply ไปในคนไข้แต่ละคน โดยดูจาก vertical and horizontal width ของขากรรไกร รวมทั้ง landmark ต่างๆ บนใบหน้าและศีรษะ (จากฟิล์ม lateral ceph) แล้วก็ค่อยมา plot จุดเพื่อหาระยะทางควรจะเคลื่อนที่ฟันไป บางคนอาจถอนฟันครบทั้ง 4 ซี่ (first premolar) บางคนอาจถอนออกบางซี่
 
- บางครั้งการจัดฟันอาจไม่ทำให้เกิดผลการรักษาที่สมบูรณ์ ก็คงมีหลายปัจจัย สภาพการสบฟันของคนไข้แต่เดิม / ความยากง่ายของ case / การตอบสนองของร่างกาย รวมถึง ความสามารถของคุณหมอด้วย การจัดฟันก็เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เมื่อมองอย่างศิลป์ทำให้สามารถตีความได้หลากหลาย
 
เขียนซะยาวเลย อาจพอเข้าใจอะไรๆ ได้บ้าง ขอให้โชคดีนะคะ
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9099  
   
58.9.80.*


« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: 12/15/09 เวลา 14:50:44 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

ขอบคุณคับพี่หมอหนิง
 
แต่เรื่องมันเศร้าคับ เพราะ ครั้งล่าสุดนี้ที่หมอนัด F/U หมอเค้าให้คนไข้เซ็นขอสิ้นสุดการรักษาแล้วครับ คนไข้ก็เซ็นไปงงๆ (จัดมาได้ 4 เดือนเอง) ตอนนี้แฟนผมกลัวมาก กลัวว่าหมอจะถอดเหล็กออก แล้วไม่รู้จะทำไงต่อดี การสบฟันตอนนี้ก็ยังไม่ปกติ ฟันซี่ที่ล้มก็ยังล้มอยู่ สรุปว่าเธอกลัวว่าหมอจะทิ้ง case เธอไปเฉยๆ  
แต่ผมเชื่อว่าหมอเค้าต้องทำให้function ทุกอย่างOK ก่อนถอดเครื่องมือ..รึปล่าวคับ! พี่หมอหนิงเชื่อมั้ยครับวันนั้นเป็นวันแรกที่ผม get ความรู้สึกของคนไข้ที่ต้องเซ็นชื่อ ไม่สมัครใจรักษา ซึ่งผมให้เซ็นบ่อยๆ (ต่อไปนี้ผมไม่ให้ใครเซ็นแล้วครับ..จริงๆ)  ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมไม่เคยเห็นหมอคนไหนมาตอบคำถามเร็วและจริงใจเหมื่อนพี่หมอหนิงเลยครับ..
ส่งโดย: tlansai Email     125.25.252.*


« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 12/15/09 เวลา 14:59:34 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

พี่คงไม่สามารถวิจารณ์อะไรได้มากนัก เพราะไม่ใช่ผู้รักษา อาจมีรายละเอียดอะไรมากมายกว่านั้นที่พี่เองก็ไม่รู้  
 
เพิ่งจัดฟันมาได้แค่ 4 เดือน ผลการรักษายังไม่ค่อยเห็นหรอกค่ะ ต้องปีนึงขึ้นไป ฟันเคลื่อนที่ช้ามาก อย่างกับปะการัง ปีละ 1 มิล.  Wink
 
แนะนำว่า ควรไปปรึกษาคุณหมอจัดฟันท่านใหม่ๆ เพื่อตรวจดู ปรึกษาอีกซัก 2-3 คน ถามเขาว่า หากจัดฟันจะให้ผลการรักษาได้ประมาณไหน แล้วค่อยมาตัดสินใจรักษาใหม่ ไม่ควรปล่อยไว้ เพราะทำอะไรไม่สุด เดี๋ยวก็คาใจอีก  Smiley
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9099  
   
58.9.80.*


« ความเห็นที่ #6 เมื่อ: 12/15/09 เวลา 15:12:23 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

ขอบคุณคราบ..สุดๆไปเลย Grin
ส่งโดย: tlansai Email     125.25.252.*


« ความเห็นที่ #7 เมื่อ: 12/16/09 เวลา 16:24:51 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

รบกวนพี่หนิงอีกที่คราบ..
 " Damon 2 System ช่วยให้แผนการรักษาที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในการใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิมสามาร ถนำมาใช้ได้ ลดความต้องการใช้อุปกรณ์ดึงฟันเสริม (High Force Mechanics) และการถอนฟันร่วมกับการจัดฟันลงได้ในบางกรณี อีกทั้งการใช้แรงปริมาณน้อยนี้ยังหมายถึงความสบายที่ผู้ป่วยจะได้รับระหว่าง การจัดฟันอีกด้วย
 
Sliding Mechanics มีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนฟันในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ของฟัน การแก้ไขฟันหมุน การปรับระดับและต่ำแหน่งของฟันเป็นต้น"
 
...Damon 2 มันจัดได้ทุกทิศทางขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วในต่างประเทศ เช่นใน USA เห็นเค้า recomend ให้คนแก่ที่ต้องการจัดฟันจัดแบบนี้เหรอครับ...
ส่งโดย: tlansai Email     125.25.252.*


« ความเห็นที่ #8 เมื่อ: 12/16/09 เวลา 16:39:15 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เดี๋ยวนี้มี Damon 3 system แล้วค่ะ พัฒนากว่าเดิมอีก เมืองไทยเราก็มีใช้ค่ะ ราคาจะแพงกว่าการจัดฟันปกติอีก 2-3 หมื่นบาท
 
ถ้ามองถึงผลการรักษาสุดท้าย ให้ผลการรักษาเหมือนๆ กันค่ะ ต่างกันที่เทคนิคบางประการ และเครื่องมือบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน  
 
ปล.ถึงแม้การจัดฟันแบบ Damon จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถแก้ปัญหาตำแหน่งของฟันได้ทุกกรณี บางครั้งยังต้องอาศัยเครื่องมืออื่นๆ ช่วย เช่นการปักหมุดหรือ microimplant /head gear/เครื่องมือขยายขนาดขากรรไกร ฯลฯ
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9099  
   
58.9.83.*


« ความเห็นที่ #9 เมื่อ: 12/17/09 เวลา 00:27:09 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ ลบข้อความนี้

ขอบคุณครับ
ส่งโดย: tlansai Email     125.25.252.*


Page(s) : 1 


แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print



Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by