การรักษาอาการปวดหลังนอกจากการใช้ยา
การผ่าตัดแล้ว
อีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันบ่อยๆก็คือ
การทำกายภาพบำบัด
หรือการให้การฟื้นฟูสภาพ
การทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการปวดหลังนั้นก็คือการใช้เครื่องมือเพื่อให้ความร้อน
ความเย็น
หรือเครื่องมือในการดึงหลัง
หรือกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า
เพื่อบรรเทาอาการปวด
อักเสบที่หลัง
นอกจากนั้นแล้วที่สำคัญที่สุดของการฟื้นฟูสภาพหลังก็คือการให้การบริหารกล้ามเนื้อ
และกระดูกที่ถูกต้อง
และเหมาะสมในแต่ละราย
ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆไป
การให้ความรู้
ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
การทำกิจวัตรประจำวันหรือลดปัจจัยเสี่ยง
ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
นอกจากนี้แล้วในปัจจุบันยังมีการรักษาอื่นๆอีกซึ่งเราเรียกว่าการแพทย์ทางเลือก
เช่น การนวดไทย
การฝังเข็ม
และการใช้โยคะ
ซึ่งแต่ละอย่างก็เหมาะสมกับการปวดหลังซึ่งเกิดในภาวะต่างๆไม่เหมือนกัน
ที่สำคัญที่สุดการใช้การรักษาแบบอื่นๆนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผืที่เชี่ยวชาญจริงๆ
และได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากกองประกอบโรคศิลป
นอกจากนั้นแล้วก่อนการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้น่าจะต้องปรึกษาแพทย์ที่ดูแลอยู่ก่อน
ที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องปวดหลังก็คือการป้องกันไม่ให้เกิด
ซึ่งน่าจะดีกว่าการปล่อยให้
เกิดอาการปวดแล้วจึงค่อยทำการรักษา
การป้องกันที่สำคัญ
ได้แก่ การจัดท่าทาง
การทำงานหรือการประกอบกิจวัตรประจำวันให้ถูกต้อง
ซึ่งหลักการที่สำคัญก็คือการให้
แนวกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงเสมอ
ไม่เอียง
หรือไม่ทำงานติดตด่อกันนานๆ
หรือการทำงานที่ต้องอยู่ในท่าทางที่ยากลำบาก
หรือมีการบิดตัวก้มตัวและเอี้ยวตัว
และควรหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลังมากๆเช่น
การยกของหนัก
ซึ่งในต่างประเทศมีกฎหมายกำหนดถึงน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ในผู้ชาย
และหญิง
แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดดังกล่าว
เพราะฉะนั้นคงต้องระวังให้มาก
นอกจากนั้นแล้วการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงไว้เสมอก็เป็นการป้องกัน
ไม่ให้เกิดอาการปวดหลังได้ดีเพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนือ้หลัง
เป็นกล้ามเนื้อที่คอยตรึงแนวกระดูกสันหลังไม่ให้มีการเคลื่อนไหวมากเกินไปซึ่ง
ท่าทางการบริหารมีมากมาย
อาจจะต้องปรับให้เหมาะสมในแต่ละคน
และที่สำคัญก็คือการควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆเช่นน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไปหรือ
ไม่ให้รูปร่างอ้วนเกินไปเพราะการที่มีรูปร่างอ้วนจะ
ทำให้แนวกระดูกสันหลังเปลี่ยนไป
การใส่รองเท้าที่ส้นสูงเกินไปก็ควรหลีกเลี่ยง
สรุปว่าการดูแลตัวเองหรือการป้องกันไม่ให้มีการปวดหลังเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการรักษา
โดย นพ.สุธี
ศิริเวชฎารักษ์
แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู