1.
รักษาอาการของท่านด้วยตนเอง โดยหลีกเลี่ยงสารที่ท่านแพ้ให้มากที่สุด
และเมื่อมีอาการมาก ท่านสามารถ
เลือกใช้ยาแก้แพ้ที่มีขายทั่วไปด้วยตัวท่านเอง
อย่างไรก็ตาม
เมื่อใช้ยาดังกล่าวแล้ว อาการไม่ดีขึ้นภายใน
7 วัน ท่านควรจะปรึกษาแพทย์
2.
ติดเครื่องปรับอากาศในบ้านของท่าน
เครื่องปรับอากาศ จะทำให้อากาศมีความชื้นต่ำลง ซึ่งเป็นสภาวะที่ตัวไร
และเชื้อราไม่ชอบ
นอกจากนี้ ยังสามารถกรองฝุ่นได้บางส่วน โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่
ที่รวมเอาเครื่องฟอกอากาศ
เข้าไปด้วย
รวมทั้งยังสามารถป้องกันเกสรดอกไม้ และเกสรหญ้าต่างๆที่มีอยู่ภายนอกบ้านได้อีกด้วย
3.
ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศโดยจะต้องเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่เพียงพอกับขนาดของห้องและได้มาตรฐาน
เครื่องฟอกอากาศที่ไม่ได้มาตรฐานในการกำจัดฝุ่น นอกจากจะไม่ช่วยลดจำนวนฝุ่นที่มีอยู่ในอากาศแล้ว
อาจจะเป็นตัวที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้อีก
ทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นไปอีก
4.
เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดบริเวณที่อับชื้น ที่มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อราผสมอยู่ด้วย
เช่น น้ำยาที่มี Clorox เป็นส่วนผสม
5.
ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรจำกัดบริเวณของสัตว์เลี้ยง ไม่ให้เข้าไปในห้องนอนของผู้ป่วย
จำไว้ว่าการให้สัตว์เลี้ยงของท่านเดินผ่านห้องนอนของท่านเพียงหนึ่งครั้ง
จะมีสารก่อภูมิแพ้ในห้องของท่าน
ในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้ท่านมีอาการไปทั้งอาทิตย์
6.
ใช้ผ้าปิดปากและจมูกทุกครั้ง เมื่อจำเป็นจะต้องทำความสะอาดบ้านด้วยตนเอง
7.
ให้ผู้อื่นทำงานบ้านแทน หรือจ้างคนรับใช้ เพื่อทำความสะอาดบ้าน บางครั้งค่าจ้างทำความสะอาด
อาจมีราคาต่ำกว่า
ค่ารักษาที่ท่านต้องเสียไป
8.
หลีกเลี่ยงการใช้พรมในบ้าน พรมเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ตัวไร
และเชื้อรา จะมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะทำความสะอาดด้วยการนำมาซัก
ก็ไม่สามารถกำจัดตัวไรให้หมดไปได้
เนื่องจากความร้อนที่ใช้ไม่สูงพอในการทำลายตัวไร
ในทางตรงข้าม กลับจะทำให้พรมมีความชื้นมากขึ้น
ถ้าทำให้แห้งไม่ดีพอ
และทำให้มีตัวไรและเชื้อรามากขึ้นไปอีก
9.
ใช้หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์
แม้ว่าตัวไรจะสามารถอาศัยอยู่ในวัสดุสังเคราะห์ได้เช่นกัน
แต่หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์สามารถนำมาทำความสะอาดด้วยความร้อนที่มีอุณหภูมิที่สูงกว่าหมอนธรรมดา
ทำให้สามารถทำลายตัวไรได้
10.
ซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนของท่านบ่อยๆในน้ำร้อน
นอกจากหมอนแล้ว ตัวไรยังชอบ
ที่จะอาศัยอยู่ในปลอกหมอนด้วยเช่นกัน
11.
ทำห้องนอนของท่านให้เป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ในกรณีที่ไม่สามารถทำให้ทั้งบ้านเป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ได้
ทั้งนี้เนื่องจาก
โดยทั่วไป คนเราจะใช้เวลาอยู่ในห้องนอนมากกว่าห้องอื่นๆ
โดย
นพ.สมศักดิ์
หวานกิจเจริญ แพทย์ หู คอ จมูก